Jblbar 5.1ราคา รุ่นไหนดี 6 อันดับ ที่น่าซื้อ อัพเดทล่าสุดปี 2567

ลําโพงจากทาง JBL ในรุ่น LINK BAR น้นเป็นลําโพงแบบ soundbar ที่ออกแบบมาสําหรับการใช้งานร่วมกับทีวีครับ โดยความพิเศษของลําโพงรุ่นนี้คือมี Android TV ในตัวด้วยครับ การออกแบบ ในส่วนของการออกแบบนั้น ลําโพง JBL LINK BAR นั้นจะเป็นลําโพงที่ใช้การออกแบบที่คล้ายกับรุ่นอื่นๆของทาง JBL ครับ โดยจะใช้ดีไซน์แบบ low profile ซึ่งเมื่อใช้งานจะดูกลมกลืนไปกับทีวี ไม่เกะกะ ตัวเครื่องออแบบให้มีส่วนโค้ง มาในสีดําเทา โดยจะมีปุ่มสําหรับควบคุมการใช้งานที่ด้านบนตัวลําโพง และมีการเพิ่มปุ่มเปิด-ปิดไมโครโฟนเข้ามาเพื่อความเป็นส่วนตัว เพราะลําโพงรุ่นนี้จะมีไมโครโฟนสําหรับรับคําสั่งต่างๆด้วยเสียงนั่นเองครับ โดยสําหรับ JBL LINK BAR นั้นจะไม่มี subwoofer ให้มา โดยผู้ใช้งานสามารถซื้อ subwoofer ไร้สายของทาง JBL มาติดตั้งเพิ่มเองได้ครับ ตัวเครื่องมาพร้อมกับรีโมทสําหรับควบคุมจากระยะไกล โดยที่รีโมทนั้นจะมีไมโครโฟนสําหรับรับคําสั่งเสียงเช่นเดียวกันครับ อุปกรณ์ภายในกล่อง - JBL LINK BAR - สายไฟ - รีโมทคอนโทรล - สาย HDMI - คู่มือการใช้งานเบื้องต้น การใช้งาน ในส่วนของการใช้งานนั้น ลําโพง JBL LINK BAR จะออกแบบมาสําหรับการใช้งานร่วมกับทีวีผ่านทางช่อง HDMI ARC ครับ โดยตัวลําโพงยังมีช่อง HDMI IN อีก 3 ช่องสําหรับเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์อื่นๆ เช่น เครื่องเล่นแผ่น Blu-Ray, เครื่องเล่นเกมคอนโซล เป็นต้น โดยสามารถส่งผ่านความละเอียดระดับ 4K แต่ตัวเครื่องจะไม่รองรับ Dolby Vision ครับ นอกจากนี้ตัวลําโพงยังสามารถเชื่อมต่อผ่านทางช่อง optical หรือ AUX 3.5mm ได้อีกด้วยครับ สําหรับการเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายเพื่อใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆนั้น จะแบ่งเป็นการเชื่อมต่อแบบไร้สายผ่านทาง Wi-Fi หรือจะเสียบสาย LAN เพื่อใช้งานก็ได้เช่นเดียวกันครับ โดยสําหรับการใช้งานนั้น ตัวลําโพงจะมาพร้อมกับระบบ Android TV ที่เหมือนกับการเชื่อมต่อกล่อง Android TV นั่นเองครับ โดยสามารถใช้งานแอปต่างๆเช่น Spotify หรือ YouTube รวมไปถึงการเล่นเกมต่างๆได้อีกด้วยครับ ตัวลําโพงจะมีไมโครโฟนแบบ far-field ในตัว ผู้ใช้งานสามารถใช้คําสั่งเสียง Hey Google เพื่อเรียกใช้งานได้เลยครับ หรือจะใช้การกดปุ่มแล้วพูดใส่ตัวรีโมทของลําโพงก็ได้เช่นเดียวกัน โดยรองรับการใช้คําสั่งเสียงเป็นภาษาไทยด้วยครับ นอกจากนี้ตัวลําโพงยังรองรับการเชื่อมต่อไร้สายผ่านทาง Bluetooth 4.2 โดยการเชื่อมต่อผ่านทาง Bluetooth นั้นจะเหมาะกับการฟังเพลง เนื่องจากหากใช้ดูวีดีโอ จะมีดีเลย์เสียงครับ ภายในของ JBL LINK BAR นั้นจะใช้ไดร์เวอร์ racetrack driver จํานวน 4 ตัว พร้อม tweeter ขนาด 20 มม. อีก 2 ตัว ทํางานในรูปแบบสเตอริโอ มีกําลังขับรวมอยู่ที่ 100 วัตต์ครับ สําหรับการทํางานของ JBL LINK BAR นั้นจะเป็นแบบ always on ครับ โดยเมื่ออยู่ในโหมด standby เมื่อผู้ใช้งานพูดว่า Hey Google หรือ OK Google ตัวลําโพงจะตอบสนองการทํางานทันที โดยหากผู้ใช้งานไม่ต้องการฟังก์ชั่นนี้ สามารถปิดสวิตซ์ไมโครโฟนได้ที่ตัวลําโพงครับ และสําหรับช่อง USB ที่ด้านหลังเครื่องนั้น จะสําหรับใช้ในการ Service เท่านั้นครับ ไม่สามารถเชื่อมต่อ flash drive เพื่อเล่นเพลงได้ครับ คุณภาพเสียง ในส่วนของเสียงนั้น ลําโพง JBL LINK BAR นั้นเป็นลําโพงที่ให้เสียงเบสที่กระชับ มีน้ําหนักที่พอเหมาะ สําหรับท่านที่ต้องการเบสแบบบ้านสะเทือนอาจจะต้องหา subwoofer มาต่อเพิ่มละครับ เสียงพูดมีความชัดถ้อยชัดคํา ไม่ขุ่นมัวหรือโดนเสียงย่านอื่นๆมาเบียดบัง สามารถแยกแยะตําแหน่งของเสียง ไม่ว่าจะเป็นด้านซ้าย-ขวา หรือว่าด้านลึกได้อย่างชัดเจน ส่วนปลายแหลมนั้นเป็นแหลมที่มีความคมพอดีๆ ทอดตัวไปได้

ลําโพงจากทาง JBL ในรุ่น Bar 9.1 นั้นเป็นลําโพง soundbar ที่ออกแบบมาสําหรับการใช้งานร่วมกับทีวีครับ โดยในรุ่นนี้จะเป็นรุ่นเรือธงของ JBL ที่มีฟังก์ชั่นน่าสนใจอย่างระบบเสียง 9.1 พร้อม Dolby Atmos ที่ให้เสียงรอบทิศทาง ไม่เพียงแต่รอบตัว แต่ยังรวมไปถึงด้านบนอีกด้วยครับ การออกแบบ ในส่วนของการออกแบบนั้น ลําโพง JBL BAR 9.1 นั้นจะเป็นลําโพงแบบ soundbar ที่ออกแบบมาสําหรับการใช้งานร่วมกับทีสีครับ ตัวเครื่องออกแบบมาแบบ low profile ที่สามารถวางไว้หน้าทีวีได้โดยที่ไม่รู้สึกเกะกะ ใช้ดีไซน์ที่มีความโค้งมน มาในสีดําเทาครับ ที่ด้านบนจะมีปุ่มสําหรับควบคุมการใช้งาน ในชุดจะมาพร้อมกับรีโมทสําหรับควบคุมการทํางานจากระยะไกล และ subwoofer ชนิดไร้สายที่สามารถตั้งบริเวณใดของห้องก็ได้ครับ อุปกรณ์ภายในกล่อง - JBL BAR 9.1 - ชุดลําโพง surround 2 ตัว - Subwoofer ไร้สาย - รีโมท พร้อมแบตเตอรี่ - ชุดสายไฟ - สาย HDMI - ชุดติดตั้งลําโพงเข้ากับกําแพง - คู่มือการใช้งานเบื้องต้น การใช้งาน ในส่วนของการใช้งานนั้น ลําโพง JBL BAR 9.1 จะออกแบบให้เชื่อมต่อเข้ากับทีวีผ่านทางช่อง HDMI eARC เป็นหลัก รองรับควบคุมละเอียดสูงสุด 4K พร้อม Dolby Vision ครับ โดยหากต้องการใช้งานระบบเสียง Dolby Atmos ทีวีของท่านต้องรองรับ eARC ด้วยครับผม และยังสามารถเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์อื่นๆ ผ่านทางช่อง optical ได้อีกด้วยครับ สําหรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ลําโพง JBL BAR 9.1 นั้นจะรองรับการเชื่อมต่อผ่านทาง Bluetooth 4.2 และผ่านทาง Wi-Fi โดยรองรับระบบ Chromecast และ AirPlay 2 อีกด้วยครับ โดยการเชื่อมต่อแบบไร้สายนี้จะมีดีเลย์อยู่เล็กน้อยครับ ระบเสียงของ JBL BAR 9.1 นั้นจะเป็นรูปแบบ 5.1.4 ครับ มีกําลังขับรวม 820 วัตต์ โดยจะรองรับระบบ Dolby Atmos และ DTS:X ซึ่งจะมีลําโพง surround ที่ยิงเสียงขึ้นบนเพดานและทําการสะท้อนเสียงกลับลงมา ทําให้สามารถได้ยินเสียงรอบทิศทาง ไม่เพียงแต่รอบๆตัว แต่จะมาจากด้านบนอีกด้วยครับ โดยการใช้งานนั้นจะเหมาะกับการใช้งานในห้องที่มีความสูงของห้องไม่เกิน 3 เมตรครับ โดยการใช้งานนั้น ผู้ใช้งานสามารถนําตัวลําโพง surrond ออกจากทั้งสองข้างของลําโพงหลัก และนํามาวางบริเวณด้านหลังของเราครับ โดยตัวลําโพงจะทํางานแบบไร้สาย สามารถใช้งานได้นานสูงสุด 10 ชั่วโมง และใช้การชาร์จแบตเตอรี่โดยการเสียบกลับเข้าไปที่ตัวลําโพงหลัก โดยจะใช้เวลาในการชาร์จประมาณ 3 ชั่วโมง ภายในของ JBL BAR 9.1 จะประกอบไปด้วยไดร์เวอร์ racetrack driver จํานวน 4 ตัว ยิงเสียงมาทางด้านหน้า, ไดร์เวอร์แบบ full range จํานวน 2 ตัว ที่ยิงเสียงขึ้นด้านบน, และ tweeter ขนาด 0.75 นิ้วอีก 3 ตัวที่จะทําหน้าที่ในส่วนของเสียงสูงครับ ส่วนตัวลําโพง surround นั้นภายในจะประกอบไปด้วย full-range driver ยิงขึ้นด้านบน และ tweeter ขนาด 0.75 นิ้ว อย่างละ 1 ตัว และ subwoofer ไร้สาย ขนาด 10 นิ้ว อีก 1 ตัวด้วยกัน โดยออกแบบให้วางใกล้ๆกับลําโพงหลักในระยะ 1 เมตรครับ และที่ด้านหลังตัวลําโพงนั้นจะมีช่อง USB ซึ่งจะเป็นช่อง Service เพียงอย่างเดียวครับ ไม่สามารถใช้เสียบเพื่อเล่นไฟล์เพลงได้ คุณภาพเสียง ในส่วนของเสียงนั้น ลําโพง JBL BAR 9.1 นั้นถือว่าเป็นที่สุดในเรื่องของมิติเสียงเลยทีเดียว โดยมาแบบรอบตัว และด้านบน มิติเสียงด้านหว้างนั้นสามารถจําแนกได้ตั้งแต่ด้านซ้ายสุด ไปจนถึงขวาสุด หรือเสียงที่อยู่ห่างออกไปก็สามารถระบุได้แม่นยํา และที่ไม่เหมือนกับ soundbar รุ่นอื่นๆก็คือเสียงที่มาจากด้านบน เช่นเสียงเครื่องบิน ให้ความรู้สึกว่ามาจากด้านบนจริงๆ ไม่ได้มาจากทางด้านหน้าครับ ให้เสียงพูดที่ชัดถ้อยชัดคํา แยกออกมาจา

ลําโพงซาวด์บาร์จากทาง JBL ในรุ่น BAR 500 เป็นลําโพงซาวด์บาร์รุ่นที่อัปเกรดขึ้นมาจากรุ่น BAR 300 โดยจะมีดีไซน์การออกแบบที่ใกล้เคียงกัน แต่จะมีการเพิ่มตัวไดรเวอร์ให้มากยิ่งขึ้นและมาพร้อมกับ subwoofer ขนาด 10 นิ้ว อีกหนึ่งตัวครับ การออกแบบ ในส่วนของการออกแบบนั้น JBL BAR 500 จะเป็นลําโพงซาวด์บาร์ ที่มีดีไซน์การออกแบบที่เรียบหรูมาในโทนสีดํา โดยที่ด้านหน้าจะมาพร้อมกับตะแกรงสีดําและไฟ LED สําหรับแสดงสถานะการเชื่อมต่อ ที่ด้านบนจะมาพร้อมกับปุ่มสําหรับควบคุมตัวซาวด์บาร์ และที่ด้านหลังจะมาพร้อมกับช่องการเชื่อมต่อต่างๆ โดยซาวด์บาร์ในรุ่นนี้นั้นจะมาพร้อมกับตัว subwoofer ขนาด 10 นิ้วอีกด้วยครับ อุปกรณ์ภายในกล่อง - JBL BAR 500 - Subwoofer ไร้สาย - รีโมท พร้อมแบตเตอรี่ - ชุดสายไฟ - สาย HDMI - ชุดติดตั้งลําโพงเข้ากับกําแพง - คู่มือการใช้งาน การใช้งาน ในส่วนของการใช้งานนั้นลําโพงซาวด์บาร์ JBL BAR 500 จะออกแบบให้เชื่อมต่อเข้ากับทีวีผ่านทางช่อง HDMI eARC เป็นหลัก รองรับควบคุมละเอียดสูงสุด 4K พร้อม Dolby Vision และยังสามารถเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์อื่นๆ ผ่านทางช่อง optical ได้อีกด้วย โดยหากต้องการใช้งานระบบเสียง Dolby Atmos ทีวีของท่านต้องรองรับ HDMI eARC ด้วยครับ สําหรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายลําโพงซาวด์บาร์ JBL BAR 500 จะรองรับการเชื่อมต่อผ่านทาง Bluetooth 5.0 สามารถเชื่อมต่อเข้ากับสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์ที่มี Bluetooth เพื่อเล่นเสียงได้เลย และยังรองรับการเชื่อมต่อผ่านทาง Wi-Fi โดยรองรับระบบ AirPlay, Alexa Multi-Room Music และ Chromecast อีกด้วยครับ โดยการเชื่อมต่อแบบไร้สายนี้อาจจะมีดีเลย์อยู่เล็กน้อย ภายในของลําโพงซาวด์บาร์ JBL BAR 500 นั้นจะใช้ไดรเวอร์ Racetrack driver จํานวน 4 ตัวและ tweeter อีก 3 ตัว ในส่วน subwoofer นั้นจะมีขนาดอยู่ที่ 10 นิ้ว มีกําลังขับรวมทั้งระบบอยู่ที่ 590 วัตต์ (ตัวลําโพง 290 วัตต์ + subwoofer 300 วัตต์) รองรับระบบเสียงรอบทิศทาง Dolby Digital และ MultiBeam นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบเสียง PureVoice ที่จะช่วยเพิ่มและปรับปรุงเสียงพูดให้ชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากนี้ตัวลําโพงซาวด์บาร์ JBL BAR 500 ยังรองรับการปรับแต่งการตั้งค่าต่างๆได้ผ่านแอป JBL One App ได้เลยครับ สรุปเกี่ยวกับลําโพงซาวด์บาร์ JBL BAR 500 โดยรวมอล้วลําโพงซาวด์บาร์ JBL BAR 500 เป็นลําโพงซาวด์บาร์ ที่ออกแบบมาให้รองรับการใช้งานได้อย่างหลากหลาย ทั้งการเชื่อมต่อแบบมีสายและแบบไร้สาย รองรับระบบเสียงรอบทิศทาง Dolby Digital และ MultiBeam นอกจากนี้ตัวลําโพงยังมาพร้อมกับ subwoofer ขนาด 10 นิ้วช่วยเพิ่มย่านเสียงต่ําให้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นโดยมีกําลังขับสูงถึง 590 วัตต์เลยครับ JBL

ลําโพงซาวด์บาร์จากทาง JBL ในรุ่น BAR 300 เป็นซาวด์บาร์น้องเล็กสุดในซีรี่ย์นี้ครับ ตัวซาวด์บาร์จะเป็นแบบ All in one ที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย มาพร้อมกับระบบเสียง 5.0 และระบบเสียงรอบทิศทาง Dolby Digital, MultiBeam นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อไร้สายผ่านทาง AirPlay, Alexa Multi-Room Music และ Chromecast อีกด้วยครับ การออกแบบ ในส่วนของการออกแบบนั้น JBL BAR 300 จะเป็นลําโพงซาวด์บาร์แบบ All in one โดยจะไม่มี subwoofer แถมมาให้ครับ ตัวซาวด์บาร์จะมีดีไซน์การออกแบบที่เรียบง่ายมาในโทนสีดํา โดยจะมีขนาดประมาณ 82x10x5cm. ที่ด้านบนจะมาพร้อมกับปุ่มมาควบคุมต่างๆและโลโก้ของทางแบรนด์ ที่ด้านหลังจะมาพร้อมกับช่องการเชื่อมต่อต่างๆให้เลือกใช้งานกันได้ตามที่ต้องการเลยครับ อุปกรณ์ภายในกล่อง - JBL BAR 300 - รีโมท - สาย HDMI - สาย ไฟ - ขายึดติดผนัง - คู่มือการใช้งาน การใช้งาน ในส่วนของการใช้งานนั้นลําโพงซาวด์บาร์ JBL BAR 300 จะออกแบบให้เชื่อมต่อเข้ากับทีวีผ่านทางช่อง HDMI eARC เป็นหลัก แค่เพียงเสียบก็พร้อมใช้งานได้เลย แต่ถ้าทีวีที่ใช้งานอยู่ไม่รองรับฟังก์ชันดังกล่าว ก็สามารถเชื่อมต่อได้ผ่านทาง optical ก็ได้เช่นเดียวกันครับ สําหรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายลําโพงซาวด์บาร์ JBL BAR 300 จะรองรับการเชื่อมต่อผ่านทาง Bluetooth 5.0 สามารถเชื่อมต่อเข้ากับสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์ที่มี Bluetooth เพื่อเล่นเสียงได้เลย และยังรองรับการเชื่อมต่อผ่านทาง Wi-Fi โดยรองรับระบบ AirPlay, Alexa Multi-Room Music และ Chromecast อีกด้วยครับ โดยการเชื่อมต่อแบบไร้สายนี้จะมีดีเลย์อยู่เล็กน้อย ภายในของลําโพงซาวด์บาร์ JBL BAR 300 นั้นจะใช้ไดรเวอร์ Racetrack driver จํานวน 4 ตัวและ tweeter อีก 2 ตัว โดยมีกําลังขับรวมอยู่ที่ 260 วัตต์ รองรับระบบเสียงรอบทิศทาง Dolby Digital และ MultiBeam นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบเสียง PureVoice ที่จะช่วยเพิ่มและปรับปรุงเสียงพูดให้ชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากนี้ตัวลําโพงซาวด์บาร์ JBL BAR 300 ยังรองรับการปรับแต่งการตั้งค่าต่างๆได้ผ่านแอป JBL One App ได้เลยครับ สรุปเกี่ยวกับลําโพงซาวด์บาร์ JBL BAR 300 โดยรวมแล้วลําโพงซาวด์บาร์ JBL BAR 300 เป็นซาวด์บาร์ขนาดเล็กที่รวมทุกอย่างเอาไว้ในตัวเดียวแล้ว สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย รองรับการเชื่อมต่อได้หลากหลาย นอกจากนี้ตัวซาวด์บาร์ยังรองรับระบบเสียงรอบทิศทาง Dolby Digital และ MultiBeam อีกด้วยครับ JBL

Klipsch. klipsch cinema 400 soundbar. klipsch cinema 600 soundbar. klipsch soundbar bar 48. klipsch soundbar bar 40. ลําโพง soundbar klipsch. Sound Bar ขนาด 48 นิ้วพร้อม Dolby Atmos. Subwoofer 10 นิ้วแบบไร้สาย. เสียง Dolby Atmos 5.1 ด้วย Surround 3. เชื่อมต่อได้ทั้งมีสายและไร้สาย

ลําโพงซาวด์บาร์จากทาง JBL ในรุ่น BAR 800 เป็นลําโพงซาวด์บาร์รุ่นกลางของซีรี่ย์นี้ครับ โดยตัวซาวด์บาร์จะมาพร้อมกับ subwoofer และลําโพง surround ที่สามารถถอดแยกจากตัวซาวด์บาร์หลักมาใช้งานในแบบไร้สายเพื่อเพิ่มมิติเสียงให้ดียิ่งขึ้นครับ การออกแบบ ในส่วนของการออกแบบนั้นลําโพงซาวด์บาร์ JBL BAR 800 เป็นลําโพงซาวด์บาร์ สําหรับใช้งานร่วมกับทีวีเป็นหลัก ตัวลําโพงนั้นมาในโทนสีดํา และมีดีไซน์ออกที่เรียบหรู ดูไม่ใหญ่จนเกินไป โดยที่ด้านบนของตัวซาวด์บาร์จะมาพร้อมปุ่มสําหรับควบคุมการทํางานต่างๆ และที่ด้านหลังจะมาพร้อมกับช่องการเชื่อมต่อต่างๆ ภายในชุดจะมาพร้อมกับรีโมทสําหรับควบคุมจากระยะไกล subwoofer ขนาด 10 นิ้ว และชุดลําโพง surround อีก 2 ตัวครับ อุปกรณ์ภายในกล่อง - JBL BAR 800 - subwoofer - wireless surround 2 ตัว - รีโมทคอนโทรล - ชุดสายไฟ - สาย HDMI - ชุดติดตั้งเข้ากับกําแพง - คู่มือการใช้งาน การใช้งาน ในส่วนของการใช้งานนั้นลําโพงซาวด์บาร์ JBL BAR 800 จะออกแบบให้เชื่อมต่อเข้ากับทีวีผ่านทางช่อง HDMI eARC เป็นหลัก รองรับควบคุมละเอียดสูงสุด 4K พร้อม Dolby Vision และยังสามารถเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์อื่นๆ ผ่านทางช่อง optical ได้อีกด้วย โดยหากต้องการใช้งานระบบเสียง Dolby Atmos ทีวีของท่านต้องรองรับ HDMI eARC ด้วยครับ สําหรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายลําโพงซาวด์บาร์ JBL BAR 800 จะรองรับการเชื่อมต่อผ่านทาง Bluetooth 5.0 สามารถเชื่อมต่อเข้ากับสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์ที่มี Bluetooth เพื่อเล่นเสียงได้เลย และยังรองรับการเชื่อมต่อผ่านทาง Wi-Fi โดยรองรับระบบ AirPlay, Alexa Multi-Room Music และ Chromecast อีกด้วยครับ โดยการเชื่อมต่อแบบไร้สายนี้อาจจะมีดีเลย์อยู่เล็กน้อย ระบบเสียงของ JBL BAR 800 นั้นจะเป็นรูปแบบ 5.1.2 ที่จะประกอบไปด้วยไดรเวอร์ racetrack driver จํานวน 3 ตัว ยิงเสียงมาทางด้านหน้า, ไดรเวอร์แบบ full range จํานวน 2 ตัว ที่ยิงเสียงขึ้นด้านบน, tweeter ขนาด 0.75 นิ้วอีก 3 ตัวที่จะทําหน้าที่ในส่วนของเสียงสูง และ subwoofer ไร้สาย ขนาด 10 นิ้วในการให้เสียงย่านต่ํา ส่วนตัวลําโพง surround นั้นภายในจะประกอบไปด้วย racetrack driver อีกข้างละหนึ่งตัวโดยจะมีกําลังขับรวมอยู่ที่ 720 วัตต์ครับ (ตัวซาวด์บาร์ 340 วัตต์ + subwoofer 300 วัตต์ + ลําโพง surround 40x2 วัตต์) โดยการใช้งานลําโพง surround นั้นสามารถนําตัวลําโพง surrond ออกจากทั้งสองข้างของลําโพงหลัก และนํามาวางบริเวณด้านหลังของเราครับ ตัวลําโพงจะทํางานแบบไร้สาย สามารถใช้งานได้นานสูงสุด 10 ชั่วโมง และใช้การชาร์จแบตเตอรี่โดยการเสียบกลับเข้าไปที่ตัวลําโพงหลักและจะใช้เวลาในการชาร์จประมาณ 3 ชั่วโมง นอกจากนี้ตัวลําโพงซาวด์บาร์ JBL BAR 800 ยังรองรับการปรับแต่งการตั้งค่าต่างๆได้ผ่านแอป JBL One App ได้เลยครับ สรุปเกี่ยวกับลําโพงซาวด์บาร์ JBL BAR 800 โดยรวมแล้วลําโพงซาวด์บาร์ JBL BAR 800 เป็นลําโพงซาวด์บาร์ที่มีดีไซน์การออกแบบที่สวยงาม รองรับการใช้งานได้อย่างหลากหลาย โดยตัวลําโพงซาวด์บาร์จะมาพร้อม subwoofer ขนาด 10 นิ้วและตัวลําโพง surround ที่แยกออกมาใช้งานได้เพื่อเพิ่มมิติของเสียงได้เป็นอย่างดีครับ JBL